วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 อับดับสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก


10 อับดับสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก

1. หมู่บ้านพลัคลีย์ อังกฤษ 

หมู่บ้านพลัคลีย์

          หมู่บ้านนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่เฮี้ยนที่สุดในอังกฤษ โดยมีการยอมรับอย่างเป็นทางการจากกินเนสส์บุ๊ก เมื่อปี ค.ศ. 1989 หลังจากที่มีรายงานการพบวิญญาณ 12-16 ดวง ในหมู่บ้านนี้ โดยหนึ่งในวิญญาณที่มีผู้พบเห็นมากที่สุด คือ วิญญาณผู้ชายที่เฝ้ากรีดร้องวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านเชื่อว่าในสมัยก่อนเขาทำงานก่อสร้างบ้านแต่พลัดตกลงมาเสียชีวิต และอีกดวงคือวิญญาณผู้ชายที่ถูกฆ่าตายด้วยการปักดาบผ่านร่างตรึงไว้กับต้นไม้ ซึ่งแม้ว่าต้นไม้จะถูกตัดไปนานแล้ว แต่ปัจจุบันผู้ที่ผ่านไปพื้นที่ดังกล่าวก็จะได้พบเห็นฉากการต่อสู้และฆ่ากันตายฉายซ้ำบนพื้นที่เดิมครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นผีครูใหญ่ที่เคยผูกคอตาย เดินวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านอยู่หลายครั้ง

 2. เกาะตุ๊กตา เม็กซิโก 

เกาะตุ๊กตา

          เกาะแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า เคยเป็นที่เสียชีวิตของเด็กหญิงรายหนึ่ง เธอจมน้ำตายขณะวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1950 ชายคนหนึ่งนามว่า ดอน จูเลียน ซันทานา บาร์เรรา ได้ใช้เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นบ้าน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กหญิงอยู่ทุกคืน ทั้งเรียกเขาจากในน้ำ ทั้งร้องเพลง เขากลัวมากจึงเริ่มนำตุ๊กตามาไว้บนเกาะ โดยแขวนมันไว้ตามต้นไม้ทุกต้น และทุกซอกทุกมุมของเกาะเพราะเชื่อว่ามันคงจะทำให้วิญญาณของหนูน้อยไม่เหงาและสงบลง 

             กระทั่งในปี ค.ศ. 2001 ดอน จูเลียน ก็เสียชีวิตลง โดยมีผู้พบศพเข้าคว่ำหน้าจมน้ำอยู่ในจุดเดียวกับที่เด็กหญิงจมน้ำ หลังจากนั้นมา ก็มีคนในพื้นที่เปิดเผยว่าพบตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้หันศีรษะได้ ลืมตาเองได้ และใครที่ริอ่านจะไปลองของต้องระวังอย่าได้คิดนำตุ๊กตาบนเกาะติดไม้ติดมือกลับบ้านเลยเชียว

   3. เกาะฮาชิมะ 

เกาะฮาชิมะ

          เกาะฮาชิมะ จังหวัดนางาซากิของญี่ปุ่น จริง ๆ เกาะแห่งนี้ไม่มีเรื่องเล่าอะไรมากไปกว่าเหมืองถ่านหินเก่าและสถานที่คุมขังนักโทษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้างไว้นับ 40 ปีแล้ว แต่แม้จะไม่มีประวัติความเป็นมายาวนานว่าเคยมีคนตายอยู่บนเกาะนี้นับพันนับหมื่นชีวิต แต่หากดูจากสภาพความรกร้างบนเกาะ ตึกเก่าที่สุดแสนจะทรุดโทรมแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่นแน่ ๆ ส่วนเรื่องความเฮี้ยนดูเหมือนจะพอมีมาให้ได้ยินอยู่บ้าง เมื่อกองถ่ายภาพยนตร์ Battle Royale ได้เจอกับบุคคลปริศนาที่ไม่ใช่ทีมงานโผล่เข้ามาติดในฉาก และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นได้ถูกผีสิงจนต้องหยุดพักกองไปหลายวันเลยทีเดียว
4. หอคอยลอนดอน แห่งอังกฤษ 

หอคอยลอนดอน แห่งอังกฤษ

           หอคอยลอนดอน แห่งอังกฤษ เป็นสถานที่ที่ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี ซึ่งตลอดช่วงเกือบพันปีนี้ ที่ตั้งของหอคอยลอนดอนได้ถูกใช้เป็นทั้งป้อมปราการ พระราชวัง เรือนจำ และลานประหาร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคนจำนวนมากเสียชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ และปัจจุบันดวงวิญญาณบางดวงก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมไม่จากไปไหน ทำให้มีเรื่องเล่าสุดหลอนออกมาให้ได้ยินเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการพบเห็นแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัว ปัจจุบันเธอยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ และปรากฏตัวให้ใครหลายคนเห็นในสภาพเดินถือหัวไปมา

 5. ภูเขาแห่งกางเขน ในลิทัวเนีย 

ภูเขาแห่งกางเขน

          ภูเขาแห่งกางเขน ในลิทัวเนีย สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ลึกลับมากในเรื่องความเป็นมา ไม่มีใครรู้ว่าคนสมัยก่อนปักไม้กางเขนไว้ทำไมมากมายเช่นนี้ แต่คาดว่าน่าจะเริ่มทำกันมาตั้งแต่ ค.ศ. 1830 เรื่อยมาจนปัจจุบันมีไม้กางเขนมากมายจนไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน คาดว่าน่าจะมีจำนวนราว 100,000 เป็นอย่างต่ำ และในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นสถานที่แห่งการอธิษฐานและมีการปักไม้กางเขนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น บรรยากาศกลับดูวังเวงน่ากลัวพิลึก ยิ่งเมื่อไม่รู้ที่มาที่ไปแล้ว ใครจะกล้าอยู่ในบริเวณนี้คนเดียวตอนพลบค่ำล่ะเนอะ

6. ป่าอาโอกิกาฮาระ 

ป่าอาโอกิกาฮาระ

          ป่าอาโอกิกาฮาระ เป็นผืนป่าพื้นที่ราว 35 ตารางกิโลเมตรที่ทอดตัวอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากมองเผิน ๆ แล้วก็เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่ง แต่ใครเลยจะเชื่อว่าป่าแห่งนี้มีผู้มาฆ่าตัวตายเฉลี่ยปีละ 100 คน 
           ปรากฏการณ์ฆ่าตัวตายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักเขียนเซโช มัตสึโมโต ได้เขียนนิยายเรื่อง คุโรอิ ไคจู ขึ้นมา และใช้ป่าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตัวละคร 2 ตัวมาฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นมาก็มีคนแห่มาฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้อยู่บ่อย ๆ จนต้องมีการติดป้ายเตือนใจประเภท "ชีวิตมีค่า โปรดคิดอีกครั้ง" หรือ "คิดถึงครอบครัวก่อนจะทำอะไรลงไป" เลยทีเดียว

7. สุสานใต้ดินในกรุงปารีส 



สุสานใต้ดินในกรุงปารีส

          สุสานใต้ดินในกรุงปารีส เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่กลายเป็นที่ฝังศพของผู้คนมากกว่า 6 ล้านศพ หลังจากมหานครปารีสเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อนับร้อยปีก่อน และทางการอยากจะให้มีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยมากขึ้น และเมื่อย้ายสุสานลงมาใต้ดินไว้เก็บศพผู้คนเรื่อยมา ในที่สุดสุสานใต้ดินก็มีสภาพอย่างที่เห็น คือมีโครงกระดูกเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งแน่นอนว่า ที่ไหนเต็มไปด้วยคนตาย ที่นั่นก็จะมีเรื่องหลอนออกมาให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ  

           อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะเป็นสุสานใต้ดิน แต่ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 สุสานแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้ผู้คนไปชมอย่างมากมาย จนถึงวันนี้ถ้าใครอยากสัมผัสประสบการณ์สุดหลอนก็ลองไปเยือนกันดู

8. ปราสาทเอดินบะระ 

ปราสาทเอดินบะระ

          ปราสาทเอดินบะระ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่หลอนที่สุดในสกอตแลนด์ ใครโชคดีอาจจะได้เจอแจ็กพอต ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณคนเป่าปี่ นักตีกลองไร้หัว ผีนักโทษฝรั่งเศส และผีนักโทษนายพลสมัยสงครามปฏิวัติอเมริกา หรือแม้แต่วิญญาณสุนัขที่วนเวียนอยู่บริเวณหลุมฝังซากของมันเอง นี่ยังไม่รวมเงาดำมืดที่ระบุไม่ได้ว่าคืออะไรด้วย ขณะที่นักท่องเที่ยวอีกหลายคนก็รู้สึกว่ามีใครสักคนมาดึงเสื้อแต่มองไม่เห็นตัวตนของเขา ว่าแต่คุณ ๆ อยากเจอแจ็กพอตแบบนี้กันบ้างไหมล่ะ

9. เมืองร้างพริเพียต ในยูเครน 

เมืองร้างพริเพียต

          เมืองร้างพริเพียต ในยูเครน ได้รับการประกาศเป็นเมืองในปี ค.ศ. 1979 และมีประชาชนราว 49,360 คน แต่แล้วในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลซึ่งอยู่ภายในเมืองได้เกิดระเบิดขึ้นหลังการทดลองผิดพลาด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และได้รับกัมมันตรังสีกว่า 200 คน อพยพอีกนับแสนในตอนนั้น ก่อนที่เมืองพริเพียตจะกลายเป็นเมืองร้างมาจนถึงทุกวันนี้

           อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกลุ่มบริษัททัวร์หัวใสได้จัดทัวร์พานักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมเมืองพริเพียตอันโด่งดังแห่งนี้ โดยบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความเศร้าและหลอน ขณะที่เรื่องหลอน ๆ ของผู้คนที่พบเจอกับวิญญาณก็มีออกมาให้ได้ยินกันอยู่เนือง ๆ

เมืองร้างพริเพียต

10. บ้านบอร์ลีย์ 

บ้านบอร์ลีย์
 
         บ้านบอร์ลีย์ เป็นแมนชั่นสไตล์วิคตอเรียในมณฑลเอสเส็กซ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านที่หลอนที่สุดในอังกฤษ สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1862 เพื่อให้เป็นที่พักสำหรับนักบวช แต่นับตั้งแต่สร้างเสร็จก็มีการพบเห็นวิญญาณอยู่เรื่อยมา และมีเรื่องเล่าว่า มีนักบวชรายหนึ่งตกหลุมรักแม่ชีในโบสถ์ที่อยู่ใกล้ ๆ จึงวางแผนที่จะหนีตามกันไป แต่บาทหลวงจับได้ก่อน นักบวชรายนี้จึงผูกคอตายอยู่บริเวณบ้านบอร์ลีย์ ส่วนแม่ชีที่สมรู้ร่วมคิดนั้นถูกฝังทั้งเป็น จากนั้นทั้งคู่จึงเป็นผีหลอกหลอนคนที่ย่างกรายเข้าไปบริเวณนี้อยู่เป็นประจำ














Pigloo - Moi J'aime Skier



                Moi j'aime skier


    อาหารประจำชาติของฝรั่งเศส   ฟัวกราส์ (ตับห่าน)

   Foie gras [ฟัว-กรา]

ฟัวกราส์ (ฝรั่งเศส: Foie gras หรือ fat liver) คือตับห่านหรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกิน ฟัวกราส์ได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา และเป็นหนึ่งในอาหารฝรั่งเศสที่ทั่วโลกรู้จักมากที่สุดนอกเหนือจาก ไข่ปลาคาเวียร์

ฟัวกราส์เป็นอาหารราคาแพง ราคาเริ่มต้นที่ เจ็ดสิบยูโรต่อกิโล ไปเรื่อย ๆ เคยเห็นสูงสุดที่ร้อยห้าสิบยูโร แต่คงมีสูงกว่านี้ แต่ยังแพงน้อยกว่าไข่ปลาคาเวียร์ รสชาติก็คงตามราคา กินตามงานเลี้ยง และร้านอาหารที่มีในเมนู ลักษณะฟัวกราส์ที่ดี เนื้อตับจะแน่น เนื้อละเอียด นุ่มลิ้นไม่ต้องเคี้ยว ใช้ลิ้นดันให้ละลายในปากได้

การที่จะทำฟัวกราส์สักชิ้นนั้นส่วนใหญ่มักใช้เป็ด Moulard ขุน และเมืองที่ขึ้นชื่อทำตับห่านมากที่สุดคือเมือง Strassburg เนื่องจากเมืองนั้นเป็นผู้ผลิตหลักของผลิตภัณฑ์อาหารชนิดนี้

สำหรับวิธีการผลิตฟัวกราส์นั้น จะใช้เป็ดพันธุ์มูลาร์ดที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของมัสโควี่ (ผู้) และพิคิน (เมีย) โดยจะใช้การบีบคอเป็ดเพื่อให้อ้าปากจากนั้นก็นำอาหารที่ทำให้ตับทำงานหนักยัดเข้าไปในหลอดอาหาร ทั้งนี้เพื่อที่จะให้ตับมีขนาดโตผิดปกติ

ฟัวกราส์เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จักกันดีในรสชาติละเอียดอ่อนบวกกับฝีมือการทำอาหารฝรั่งเศสทำให้ รสชาติของมันไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูด ทำให้ตับห่านฟัวกราส์ที่ออกมาวางขายแต่ละครั้งมักขายหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นฟัวกราส์เป็นอาหารฟุ่มเฟือย ขนาดในฝรั่งเศสจะบริโภคฟัวกราส์ในโอกาสพิเศษเท่านั้นเช่นวัน คริสต์มาสหรือเวลาเย็นของปีใหม่

ในเชิงประวัติศาสตร์ของฟัวกราส์นั้นตามหลักฐานที่เชื่อถือได้ไม่ได้มาจากประเทศฝรั่งเศส 
เมื่อช่วง 2500 ปีก่อนคริสตศักราช เราพบว่ามีการเลี้ยงหรือขุนสัตว์ปีกด้วยการสอดหลอดอาหารเพื่อบังคับให้มันอ้วนจากสุสานของ Saqqara ที่ Mereruka ประเทศอียิปต์ จากนั้นเมื่อ 361 ก่อนคริสตศักราช กษัตริย์เมืองสปาตาได้ไปเยี่ยมประเทศอียิปต์เกิดสนใจก็เลยแพร่ไปยังประเทศอื่นในเวลาต่อมา

กว่าจะได้มาซึ่งคำว่าฟัวกราส์นั้นก็ต้องยาวไปจนถึงปี 1570 โดยคนครัวของพระสันตะปาปา Pius V ได้คิดว่าจะทำให้มันออกมาเป็นมาตรฐานโดยการใช้ห่านในการขุนเพื่อเอาตับ โดยมีการเขียนเป็นหนังสือและบอกอัตราส่วนในการชั่งตวงอาหารอย่างเป็นมาตรฐาน จากนั้นก็ยังมีการปรับปรุงสูตรโดยพ่อครัวอีกหลายๆท่านจนพัฒนาเป็นการได้มาซึ่งตับชั้นเลิศในที่สุด

ประเทศที่นิยมบริโภคตับห่านคงหนีไม่พ้นประเทศฝรั่งเศส ทั้งบริโภคและผลิตมากกว่าทุกประเทศ อย่างที่บอกว่าราคาแพงมากโดยเฉพาะตับที่ถูกกฏหมาย และยังมีเกรดของตับมาแบ่งชั้นอีกด้วย

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

                                                     ธงชาติประเทศฝรั่งเศส



            ชื่อทางการ        สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic)

            เมืองหลวง        ปารีส (Paris)

            ภาษาที่ใช้         ฝรั่งเศส


 ความเป็นมาของธงชาติประเทศฝรั่งเศส (France)

   ฝรั่งเศสตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป และยังมีชื่อเสียงในเรื่องศิลปวัฒนธรรม ธงชาติฝรั่งเศสมีที่มาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ในอดีตสีแดงและสีน้ำเงินเป็นสีของกรุงปารีส สีขาวเป็นสีของราชวงศ์บูร์บง แต่ปัจจุบันทั้งสามสีรวมกัน หมายถึง เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ






































สีแดง

ความหมาย: ความเข้มแข็ง มีพละกำลัง, ความโกรธ, กิเลส, ความหมกมุ่นทางเพศ, แจ่มใส, กล้าหาญ, ไฟ, ร้อนแรง, การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว, ความปรารถนา, เลือด, มีชีวิตชีวา, แรงขับเคลื่อน, ความเสี่ยง, ความรัก, การอยู่รอด, สงคราม, อันตราย, การปฏิวัติ, แข็งกร้าว, พลังอำนาจ, เด็ดเดี่ยว, รสชาติดี, เป็นผู้นำ, ตื่นเต้น, ความเร็ว, ความร้อน, ความอบอุ่น, รุนแรง, การดึงดูดความสนใจ, โรแมนติก
สีแดงสด ความสนุกสนาน, เรื่องทางเพศ, กิเลส, ความเฉียบแหลม, ความรัก, ความลังเล
สีแดงเข้ม ความมุ่งมั่น, ความคลั่งไคล้, ความโกรธ, ความตึงเครียด, ความเป็นผู้นำ, ความโหยหา, การปองร้าย
สี Maroon (แดงเลือดนก) ความลังเล
จิตวิทยา: สีแดงจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย, เพิ่มอัตราการหายใจ, เพิ่มการขับเหงื่อ, ช่วยเจริญอาหารและเพิ่มความดันโลหิตได้ค่ะ
รู้หรือไม่: สีแดงนั้นช่วยให้ข้อความหรือรูปภาพดูเด่นขึ้นได้ วัตถุที่มีสีแดงจะดูใหญ่ขึ้นและดูใกล้ขึ้นกว่าความเป็นจริง ส่วนสีแดงสด อาจเคืองสายตาได้ถ้าใช้บนพื้นที่หรือวัตถุที่ใหญ่เกินไป แต่ถ้าต้องการให้ดึงดูดผู้คน สีแดงนี่เลยค่ะดีที่สุด เพราะจะทำให้มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น ป้าย SALE ต่างๆ ไฟแดงตามสี่แยก หรือป้ายจราจรค่ะ
เมื่อใช้ร่วมกับสีอื่น: ไม่แนะนำให้ใช้สีแดงสดร่วมกับสีฟ้าสดค่ะ เพราะมันไม่ดีกับสายตา ส่วนสีแดงถ้าใช้ร่วมกับสีเขียวก็ควรมีสีอื่นมาแทรกบ้างอย่ามีแค่สองสีนี้
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: อันตราย (ใช้กับป้ายจราจร เช่น ป้ายหยุดรถ), ความรัก (รูปหัวใจ), ความตื่นเต้น (ป้าย SALE)
  • จีน: สีของชุดเจ้าสาว, ความโชคดี, การเฉลิมฉลอง, ความสุข, สนุกสนาน, มีอายุยืนยาว, เรียกประชุมหรือกำลังพล
  • ญี่ปุ่น: ชีวิต
  • อินเดีย: ความบริสุทธิ์
  • ชาวตะวันออก: ความสนุกสนาน (เมื่อใช้กับสีขาว)
  • ชาวฮิบบรู: การเสียสละ, บาป
  • อเมริกัน: คริสต์มาส (ใช้กับสีเขียว), วาเลนไทน์ (ใช้กับสีขาว)
  • แอฟริกาใต้: เศร้า
  • ชาวอะบอริจิ้นในออสเตรเลีย: แผ่นดิน,
  • ชาวโรมัน: ใช้ธงสีแดงเป็นสัญลักษณ์ในการเริ่มโจมตีข้าศึก
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ไฟ, โชคดี, เงินทอง, เคารพ, การป้องกัน, ยอมรับนับถือ

สีชมพู

ความหมาย: อบอุ่น, มีพลัง, ความสมดุล, กระตือรือร้น, มีชีวิตชีวา, พละกำลัง, ขยับขยาย, หรูหรา, ตื่นเต้น, เป้าหมายธุรกิจ, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, ทะเยอทะยาน, ความสำเร็จ, เกี่ยวกับกฎหมาย, การขาย, การแสดง, ดวงอาทิตย์, เป็นมิตร, สนุกสนาน, เข้มแข็ง, อดทน, รอบรู้, การกุศล, น่าหลงใหล, ความสุข, เป็นมิตร, การเริ่มต้น, ความคิดสร้างสรรค์, กำลังใจ, อบอุ่น, น่าสนใจ, อิสระ, งบประมาณน้อย, หนุ่มสาว
สีชมพูอ่อน วัยแรกรุ่น, บอบบาง
สีชมพูสด วัยรุ่น, กำลัง, มีเจตนาดี
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ผู้หญิง, เด็กผู้หญิง
  • อินเดียแถบตะวันออก: เป็นสีแสดงความเป็นผู้หญิง
  • ญี่ปุ่น: เป็นสีที่ใช้กันมากทั้งหญิงและชาย
  • เกาหลี: ความไว้ใจ
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ความรัก

สีส้ม

ความหมาย: โรแมนติก, ความรัก, มิตรภาพ, ผู้หญิง, ความจริง, นิ่งเฉย, หวังดี, เยียวยาความรู้สึก, ความสงบ, ความห่วงใย, เอาใจใส่, รสหวาน, กลิ่นหอม, บอบบาง, ละเอียดอ่อน
สีส้มอ่อน เช่น ลูกแอปปริคอท, ปะการัง, ลูกพีชและแคนตาลูป หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญ
สีส้มเข้ม หมายถึง หลอกลวง, ไม่ไว้วางใจ
สีส้มแดง หมายถึง ความปรารถนา, เรื่องทางเพศ, ความแข็งกร้าว, การครอบครอง
สีส้มสด เช่น ส้ม หมายถึง เกี่ยวกับสุขภาพ
จิตวิทยา: ในร้านอาหาร สีส้มถือว่าเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นการเจริญอาหาร ส่วนการตกแต่งด้วยสีส้มก็ช่วยเรื่องการค้าขาย นอกจากนี้สีส้มยังช่วยเพิ่มออกซิเจนที่ส่งไปเลี้ยงสมอง และช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
รู้หรือไม่: เมื่อใช้ส้มเป็นพื้นหลังช่วยให้รูปดูใกล้และใหญ่กว่าความเป็นจริง แต่ต้องระวังอย่าใช้เยอะเกินไปนะคะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ฤดูใบไม้ร่วง, การเก็บเกี่ยว, ความคิดสร้างสรรค์
  • อเมริกัน: ฮัลโลวีน, ของราคาถูก
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ดิน, เข้มแข็ง

สีน้ำตาล

ความหมาย: มิตรภาพ, เทศกาลพิเศษ, พื้นดิน, วัตถุนิยม, ความจริง, สะดวกสบาย, ทนทาน, มั่นคง, เรียบง่าย, อายุยืน, สนิทสนม, เงียบสงบ, ราคะ, เข้มแข็ง, การผลิต, นิ่งเฉย, ทำงานหนัก, น้ำใจ, สิ่งสกปรก, การปฏิบัติการ
ถ้าใช้สีน้ำตาลสีเดียวนั้น มันก็จะดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ออกจะดูทึมๆ ทื่อๆ ด้วยซ้ำ นานัวร์แนะนำว่าให้ใช้คู่กับสีอื่นหรือแต่งโดยใช้เทคนิด texture เข้าช่วยค่ะ เช่นพื้นไม้ เป็นต้น
สีน้ำตาลแดง ฤดูเก็บเกี่ยว, ฤดูใบไม้ร่วง
สีเนื้อ หยาง, เชี่ยวชาญ, ความเรียบร้อย
สีน้ำตาลทองแดง เป้าหมายทางการเงิน, หลงใหล, ผลทางธุรกิจ, ความก้าวหน้าในอาชีพ
สีน้ำตาลกาแฟ เชี่ยวชาญ, เข้มข้น, ทนทาน
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ชาวอะบอริจิ้นในออสเตรเลีย: สีของผืนดิน
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ดิน, อุตสาหกรรม

สีทอง

ความหมาย: ร่ำรวย, พระเจ้า, ชัยชนะ, ปลอดภัย, อำนาจของผู้ชาย, ความสุข, ขี้เล่น, เคารพ, เฉียบแหลม, น่าเกรงขาม, ปรารถนาอำนาจ, อำนาจลึกลับ, วิทยาศาสตร์, ความมุ่งมั่น
เมืองนอกเค้าสำรวจมาว่า ใช้สีทองกับสีน้ำเงิน navy blue ในเรื่องการขายของให้กับผู้ชายจะดีที่สุดค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ทั่วโลก: ความสำเร็จ, คุณภาพดี, เงิน
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, เหล็ก-โลหะ

สีเหลือง

ความหมาย: พระอาทิตย์, ฉลาด, เบา, ความทรงจำ, จินตนาการ, ความร่วมมือ, องค์กร หมู่คณะ, แสงอาทิตย์, ความสุข, พลังงาน, มองโลกในแง่ดี, บริสุทธิ์, กระตือรือร้น, อบอุ่น, มีเกียรติ, ภักดี, ความชัดเจน, แนวคิด, ความเข้าใจ, เฉียบแหลม, ทรยศ, ไม่ซื่อ, ขึ้หึง, อ่อนแอ, ระมัดระวัง, ผู้ตาม, มั่นใจ, อารมณ์ขัน, เพ้อฝัน, ความคิดสร้างสรรค์, เป็นต้นแบบ, ความหวัง, ฤดูร้อน, ไม่แน่นอน, มีชื่อเสียง
สีเหลืองหม่น ระมัดระวัง, ผุพัง, ป่วย
สีเหลืองอ่อน สดชื่น, สนุกสนาน, รอบรู้
สีครีม ความเงียบ, ร่าเริง, สงบ, บริสุทธิ์, นุ่มนวล, อบอุ่นมากกว่าสีขาว
จิตวิทยา: สีเหลืองจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยให้กล้ามเนื้อมีกำลังและช่วยดึงดูดความสนใจ
รู้หรือไม่: สีเหลืองเป็นสีที่เห็นได้เด่นที่สุดกับตาของมนุษย์ค่ะ ถ้าคุณต้องการให้ข้อความหรือสิ่งไหนสะดุดตาคนดู ก็สีเหลืองนี่เลยค่ะ เวลานักเรียนเรียนในห้องที่ทาสีเหลืองทำให้ทำข้อสอบได้ดีขึ้น (นี่เค้าว่ามาอีกทีนะคะ) สีเหลืองสดใสใช้ดีกับการโปรโมทอาหาร เช่น ลองเอากล้วยหรือผลไม้สีเหลืองอื่นๆ ไปวางผสมกันกับผลไม้หรือผักสีเขียวอื่นๆ ก็ดูดึงดูดสายตาดีค่ะ ส่วนของเล่นเด็กถ้าใช้สีเหลืองเป็นไฮไลท์หรือฉลากก็ดูเด่นขึ้นค่ะ แต่ถ้าใช้สีเหลืองมากเกินไปก็เป็นการรบกวนสายตาได้ ส่วนสีเหลืองใช้คู่กับสีดำ หมายถึงการเตือน เช่นป้าย Baby on Board ที่ป้ายมือใหม่หัดขับที่ไว้ติดหลังรถค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ความหวัง, ความสุข, สิ่งอันตราย, อ่อนแอ, แท็กซี่
  • เอเชีย: สักการะบูชา, ยิ่งใหญ่, จักรพรรดิ์
  • จีน: การเลี้ยงดู, ราชวงศ์
  • อียิปต์: เศร้าโศก
  • ญี่ปุ่น: กล้าหาญ
  • อินเดีย: พ่อค้า
  • ศาสนาพุทธ: ปัญญา
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ผืนดิน, เป็นมงคล, อบอุ่น, แสงอาทิตย์

สีเขียว

ความหมาย: แผ่นดินแม่, การแพทย์, อุดมสมบูรณ์, การเกษตร, การเติบโต, อาหาร, ความหวัง, ต่ออายุ, หนุ่มสาว, มั่นคง, ทนทาน, สดชื่น, ธรรมชาติ, สิ่งแวดล้อม, เงียบสงบ, อมตะ, สุขภาพ, การรักษา, โชคดี, หึงหวง, สามัคคี, ใจกว้าง, ปลอดภัย, อิจฉา, โชคร้าย, การทูต, สนุกสนาน, สมดุล, ไม่มีประสบการณ์, แบ่งปัน, มิตรภาพ
จิตวิทยา: สีเขียวสามารถลดความดันเลือดได้ ช่วยลดอาการตื่นเต้น และช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สีเขียวนี้ทำให้สบายตาและช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น รูปที่มีพื้นหลังเป็นสีเขียวจะทำให้รูปนั้นดูไกลขึ้นค่ะ
รู้หรือไม่: รูปที่มีพื้นหลังเป็นสีเขียวจะทำให้รูปนั้นดูไกลขึ้น เป็นสีที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ออร์กานิก ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น สปา
สีเขียวเข้ม การเงิน, ทะเยอะทะยาน, โลภ, หึงหวง, ช่วยให้เกิดความมุ่งมั่น
สีเขียวเหลืองมะนาว เจ็บไข้ได้ป่วย, หึงหวง, คลื่นไส้, ขี้ขลาด ไม่แนะนำให้ใช้สีนี้ในผลิตภัณฑ์อาหารค่ะ
สีเขียวมะกอก สงบสุข
สีเขียวอมน้ำเงิน เป็นสีที่นิยมใช้กันทั่วไปค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • จีน: การขับไล่, สมัยก่อนผู้หญิงชาวจีนที่ใส่หมวกสีเขียวหมายถึง มีชู้
  • ญี่ปุ่น: การมีชีวิต
  • อิสลาม: ความหวัง - สันนิษฐานว่าเสื้อคลุมของศาสดานั้นเป็นสีเขียว, คุณธรรม - สำหรับผู้ที่ศรัทธาอย่างแรงกล้าถึงใส่สีเขียวได้
  • ไอร์แลนด์: สีประจำชาติ
  • ยุโรป/อเมริกา: ฤดูใบไม้ผลิ, การเกิดใหม่, ความปลอดภัย, ปกป้องสิ่งแวดล้อม, คริสต์มาส (คู่กับสีแดง)
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ธาติไม้ สมดุล, ผสมผสานกลมกลืน, สุขภาพ, ความสงบ

สีน้ำเงิน/สีฟ้า

ความหมาย: โชคดี, การติดต่อสื่อสาร, ฉลาดเฉียบแหลม, การป้องกัน, แรงบันดาลใจ, สงบ, นุ่มนวล, น้ำ, ทะเล, ความคิดสร้างสรรค์, ลึกลับ, ท้องฟ้า, ท่องเที่ยว, อุทิศตัว, ความก้าวหน้า, อิสระ, ความรัก, ความเชื่อใจ, เห็นอกเห็นไใจ, ความเศร้า, ความกลุ้มใจ, ความมั่นคง, เป็นปึกแผ่น, ความเข้าใจ, ความมั่นใจ, การยอมรับ, การอนุรักษ์, ความปลอดภัย, คำสั่ง, สะดวกสบาย, หนาวเย็น, เทคโนโลยี, ปัญญา, ความคิด, การแบ่งปัน, ความร่วมมือกัน, ความจริงใจ, ผ่อนคลาย, มิตรภาพ, อดทน
จิตวิทยา: บางคนเชื่อว่าสีน้ำเงินหรือสีฟ้านี้ทำให้การเผาผลาญในร่างกายหรือเมตาโบลิซึ่มช้าลง และหยุดยั้งการเจริญอาหาร
รู้หรือไม่: สีน้ำเงินหรือสีฟ้าเป็นสีที่นิยมใช้กันทั่วไป เหมาะสำหรับเว็บไซต์เกี่ยวกับเทคโนโลยี, ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์ทำความสะอาด, น้ำ, ทะเล, ท่องเที่ยว นอกจากนี้สีฟ้าหรือสีน้ำเงินก็เป็นสีที่คนชอบมากที่สุดมากกว่าครึ่งโลก นานัวร์ก็ชอบสีฟ้าเหมือนกันค่ะ ถ้าใช้สีฟ้าคู่กับสีน้ำเิงินเข้มจะให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ แต่ถ้าใช้สีฟ้าอ่อนๆ ก็จะให้ความรู้สึกสงบและนุ่มนวลค่ะ
สีน้ำเงิน ความร่ำรวย หนาวเย็น
สีน้ำเงินเข้ม ความลึก, เชี่ยวชาญ, มั่นคง, น่าเชื่อถือ, รอบรู้, เฉลียวฉลาด, เป็นสีของธุรกิจส่วนใหญ่, อบอุ่น, อำนาจ, ความจริงจัง, สุขภาพ, ความรู้, กฏหมาย, ตรรกะ, ปลอดโปร่ง
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: สงบ
  • อิหร่าน: โศกเศร้า
  • จีน: เป็นอมตะ
  • ฮินดู: สีของพระกฤษณะ
  • ตะวันออกกลาง: ปกป้อง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ธาตุน้ำ, เงียบสงบ, ความรัก, ผ่อนคลาย, สันติสุข, ความเชื่อถือ, ผจญภัญ, การค้นหา

สีม่วง

ความหมาย: อิทธิพล, ดวงตาที่สาม, ทรงเจ้า, พลังวิเศษ, เกียรติยศ, แรงบันดาลใจ, ราชวงศ์, อำนาจลึกลับ, การเปลี่ยนแปลง, ฉลาด, เชี่ยวชาญ, โหดร้าย, หยิ่งยโส, เพ้อฝัน, จินตนาการ, ร่ำรวย, ฟุ่มเฟือย, อิสระ, ไสยศาสตร์, ความคิดสร้างสรรค์, พลังงาน, ความมั่นใจในตัวเอง, ถือตัว, ทะเยอทะยาน, หรูหรา, กำไร, ความต้องการทางเพศ, เพศที่สาม, เกย์, เลสเบี้ยน
จิตวิทยา: เด็กฝรั่งรุ่นซักประมาณประถมปลายถึงมัธยมต้นกว่า 75% เลือกสีนี้เป็นสีที่ชอบที่สุดค่ะ ไม่แน่ใจว่าเด็กไทยจะด้วยรึเปล่า พวกบริษัทผลิตของเล่นหรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กนิยมใช้สีม่วงสดเพื่อดึงดูดความสนใจค่ะ ส่วนสีม่วงอ่อนหวานๆ ก็เหมาะดีสำหรับงานออกแบบแบบผู้หญิงๆ แต่ถ้าใช้สีม่วงมากเกินไป ก็ทำให้รู้สึกอึมครึมหรือคลื่นไส้ถ้าต้องอยู่ในห้องที่มีแต่สีม่วงได้ค่ะ
สีม่วงลาเวนเดอร์ หยาง, สับสนทางเพศ, โรแมนติก, ผู้หญิง, การเปลี่ยนแปลง, อาลัยอาวรณ์
สีม่วงเข้ม ความมืด, เศร้า, ผิดหวัง, ร่ำรวย
สีม่วงอ่อน หยาง
สีม่วงไวโอเล็ต สมาธิ, ความคิดสร้างสรรค์, ความมุ่งมั่น, ความเงียบ, ความสวยงาม, แรงบันดาลใจ, ศิลปะ, ดนตรี, กามารมณ์, เสียสละ
สีม่วงอมน้ำเงิน ลึกลับ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ไทย: เศร้า
  • ญี่ปุ่น: การมีชีวิต
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, รู้พลังลึกลับ

สีขาว

ความหมาย: เทวดา, สันติภาพ, บริสุทธิ์, สาวบริสุทธิ์, เคารพนับถือ, เลื่อมใสศรัทธา, ความเรียบง่าย, ความสะอาด, ไร้เดียงสา, หนุ่มสาว, การเกิด, หน้าหนาว, หิมะ, ความดี, ปลอดเชื้อ, หนาวเย็น, ชัดเจน, สมบูรณ์แบบ, ยุติธรรม, ความปลอดภัย, คิดบวก, บุญกุศล, ความสำเร็จ, สิ่งประดิษฐ์, เป็นเอกภาพ, เสียสละเพื่อส่วนรวม, พระเจ้า, ผู้หญิง
จิตวิทยา: ห้องสีขาวอาจทำให้อึดอัดได้ถ้าปล่อยให้โล่งๆ ไม่มีอะไรเลยค่ะ สีขาวใช้ได้ดีเมื่อใช้เป็นพื้นหลังเพราะทำให้สิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอดูเด่นขึ้นค่ะ
รู้หรือไม่: สีขาวนั้นแสดงถึงความเรียบง่าย ปลอดภัยและ สะอาด นิยมใช้กับพวกของไฮเทคทั้งหลาย เช่นคอมพิวเตอร์ และพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: การแต่งงาน, นางฟ้า, โรงพยาบาล, หมอ, สันติภาพ, นม
  • ญี่ปุ่น: เศร้าโศก นิยมใช้ในงานศพ
  • จีน: ความตาย, เศร้าโศก
  • อินเดีย: ความทุกข์
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ความตาย, เศร้าโศก, วิญญาณบรรพบุรษ, ผี, ความมั่นใจ

สีเงิน

ความหมาย: เสน่ห์, ไฮเทค, สง่างาม, โทรจิต, ญาณทิพย์, เพ้อฝัน, พลังหญิง, การสื่อสาร, เทพธิดา, ร่ำรวยหรูหรา, สมัยใหม่
จิตวิทยา: ใช้สีเงินร่วมกับสีอื่นจะช่วยให้เป็นที่สะดุดตาค่ะ
รู้หรือไม่: ให้ใช้สีนี้ร่วมกับสีอื่น ถ้าคุณต้องการออกแบบของให้ดูไฮเทคมากขึ้นค่ะ สีเงินนี้เข้ากันได้ดีกับสีทองและสีขาวสื่อถึงความมีอำนาจค่ะ
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, โลหะ, น่าเชื่อถือ, โรแมนติก

สีเทา

ความหมาย: ปลอดภัย, เชื่อถือได้, ฉลาด, มีเกียรติ, เงียบขรึม, ถ่อมตัว, อนุรักษ์นิยม, สำหรับคนแก่, เศร้าเสียใจ, น่าเบื่อ, มืออาชีพ, เชี่ยวชาญ, ทนทาน, มีคุณภาพ, เงียบขรึม, หม่นหมอง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, โลหะ, ความตาย, ทื่อ

สีดำ

ความหมาย: การปกป้อง, รังเกียจ, อำนาจ, เกี่ยวกับเพศ, เชี่ยวชาญ, เป็นทางการ, หรูหรา, ร่ำรวย, ลึกลับ, ความกลัว, ปิศาจ, ความทุกข์, ความเศร้า, ความโกรธ, สำนึกผิด, โชคร้าย, ความลับ, ความสกปรก, ความว่างเปล่า, เข้มแข็ง, เชื่อถือ, จริงจัง
จิตวิทยา: ถ้าใช้สีดำกับพื้นที่กว้างเกินไป ก็อาจทำให้รู้สึกอึมครึม หดหู่ได้ค่ะ แม้ว่าสีดำจะทำให้ดูมีมิติขึ้นก็ตาม
รู้หรือไม่: สีดำนี้ใช้ได้ดีกับเว็บไซต์ประเภทศิลปะหรือโชว์ภาพถ่ายเพราะจะทำให้รูปภาพดูเด่นขึ้นค่ะ แต่ถ้าใช้สีดำเป็นพื้นหลังของตัวอักษรแล้ว อาจจะทำให้อ่านยากขึ้นค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: งานศพ, ความตาย
  • จีน: เป็นสีของเด็กผู้ชาย
  • ไทย: โชคร้าย, ความทุกข์, ผีสาง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, น้ำ, เงินทอง, รายได้, อำนาจ, ความมั่นคง, อำนาจชั่วร้าย





วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

                                              มรดกโลก

    มรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) คือสถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมือง ซึ่งคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงคุณค่าของสิ่งที่มนุษยชาติ หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา และควรจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคต 

ในปัจจุบัน มีมรดกโลกทั้งหมด 830 แห่ง ใน 138 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 644 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 162 แห่ง และอีก 24 แห่งเป็นแบบผสมทั้งสองประเภท โดยมีการแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่ ได้แก่ แอฟริกา อาหรับ เอเชียแปซิฟิก ยุโรป - อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ - แคริบเบียน 



1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ซึ่งมีความรุ่งเรืองในอดีตช่วงใกล้เคียงกันอาณาจักรสุโขทัยถือเป็น  ราชธานีแห่งแรกของไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย โดยมีคุณสมบัติ คือ เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์ และ เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรม หรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว



2. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ราชธานีเก่าแก่ของไทยที่มีความเจริญรุ่งเรืองยาวนานถึง 417 ปี แม้ว่าภายหลังจะถูกทำลายลงจากภัยสงคราม แต่ยังคงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นหลักฐานแสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง และ ความมีอัจฉริยภาพของบรรพบุรุษของชาวกรุงศรีอยุธยา
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ณ กรุงคาร์เทจ ประเทศตูซิเนีย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 โดยมีคุณสมบัติ คือ เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรม หรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว



3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง 
ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เป็นแหล่งโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงการดำรงชีวิตของผู้คนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ย้อนหลังไปกว่า 4,300 ปี ซึ่งมีวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะภูมิปัญญาในการดำรงชีวิต
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงนั้น ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวัน-ออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน องค์การยูเนสโก จึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2535 จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 16 ที่เมืองแซนตาเฟ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติ คือ เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว


4. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง
 ผืนป่าอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ประกอบด้วยผืนป่าอนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้านตะวันออก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร หรือ กว่า 3,800,000 ไร่ อยู่ภายในเขต จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดตาก และ จังหวัดกาญจนบุรี
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2534 และเป็นสถานที่ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียออกเฉียงใต้ที่ได้เป็นมรดกโลก โดยมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ คือ เป็นตัวอย่างที่เด่นชัด ในการเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทางธรณีวิทยา หรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ เป็นแหล่งที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์หายากหรือสวยงามเป็นพิเศษ และ เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์และพันธุ์พืชที่หายาก หรือ ที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจด้วย




















5. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัดคือ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ มีพื้นที่ป่ารวมกันเกือบ 4,00,000 ไร่ หรือ ประมาณ 6,200 ตารางกิโลเมตร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่"จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 29 เมื่อปี พ.ศ. 2548 ที่เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ โดยมีคุณสมบัติ ในข้อที่ เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์และพันธุ์พืชที่หายาก หรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ




























วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556



                                     ถิ่นกำเนิดของเสาวรส

ภาษาถิ่น : กะทกรก,เสาวรส,เสาวรสสีดา
ชื่อสามัญ : Passion fruit

เสาวรสมีถิ่นกำเนิดมาจากดินแดนบราซิลและแถบอเมริกาใต้ เป็นผลไม้ที่ปลูกได้ในที่เขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วไป ผลของเสาวรสมีสองชนิด คือ ผลที่มีสีม่วงและผลที่มีสีเหลือง ผลสีม่วงเติบโตได้ดีในเขตอบอุ่นและสีเหลืองปลูกได้ทั้งในเขตร้อนและเขตอบอุ่น รสชาติพันธุ์สีม่วงจะหวานและหอมมากกว่าสีเหลืองแต่คุณค่าทางอาหารไม่ต่างกันในประเทศไทยปลูกได้ทั้งสองชนิดขึ้นอยู่กับภูมิประเทศและสภาพอากาศ



วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 จังหวัดที่มีพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศไทย 

  • จังหวัดนครนายก เป็นจังหวัดในภาคกลาง ตั้งอยู่ที่ละติจูดที่ 14 องศาเหนือ และลองจิจูดที่ 101 องศาตะวันออก มีระยะทางจากจากกรุงเทพมหานครตามถนนรังสิต-นครนายก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305) ผ่านอำเภอองครักษ์ถึงจังหวัดนครนายก ระยะทาง 105 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 2,122 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 1,326,250 ไร่ มีประชากร 252,734 คน (ข้อมูลปี 2553) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดนครนายกได้แก่ น้ำตกนางรอง อุทยานพระพิฆเนศ วัดถ้ำสาริกา
  • จังหวัดปัตตานี มีขนาดพื้นที่ 1,940 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 655,259 คน เป็นจังหวัดในภาคใต้ ติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา ที่ตั้งปัตตานีเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้สุด ติดกับอ่าวไทย (หรือทะเลจีนใต้) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดปัตตานีได้แก่ มัสยิดกรือเซะ อุทยานน้ำตกทรายขาว เขาฤาษี
  • จังหวัดปทุมธานี มีขนาดพื้นที่ 1,526 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 985,643 คน (ข้อมูลปี 2553) เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ทางเหนือของกรุงเทพมหานคร มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดปทุมธานีได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ดรีมเวิร์ด
  • จังหวัดสมุทรปราการ หรือที่เรียกกันว่าเมืองปากน้ำ ซึ่งเคยเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลที่สำคัญในอดีต จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทยสองฟากฝั่งตอนปลายสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากอ่าวไทย ระหว่างเส้นละติจูดที่ 13-14 องศาเหนือ และเส้นลองจิจูดที่ 100-101 องศาตะวันออก ห่างจากใจกลางกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 29 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1,004 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 627,557 ไร่ มีประชากร 1,185,180 คน (ข้อมูลปี 2553) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดปทุมธานีได้แก่ เมืองโบราณ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ฟาร์มจระเข้ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
  • จังหวัดอ่างทองเป็นพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง พิกัดภูมิศาสตร์เส้นรุ้งที่ 14 องศา 35 ลิปดา 12 พิลิปดาเหนือ เส้นแวงที่ 100 องศา 27 ลิปดา ห่างจากกรุงเทพมหานครมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (บางปะอิน-พยุหะคีรี) ระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร และเส้นทางเรือตามแม่น้ำเจ้าพระยาถึงตลาดท่าเตียน ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร มีรูปร่างลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีส่วนกว้างตามแนวทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก และส่วนยาวตามแนวทิศเหนือถึงทิศใต้ใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 968.372 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 605,232.5 ไร่ มีประชากร 284,972 คน (ข้อมูลปี 2553) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดปทุมธานีได้แก่ วัดม่วง วัดขุนอินทประมูล
  • จังหวัดสมุทรสาคร มีขนาดพื้นที่ 872 ตารากิโลเมตร มีประชากร 491,877 คน (ข้อมูลปี 2553) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับอ่าวไทย สมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเล ตั้งอยู่ปากแม่น้ำท่าจีน หลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าในอดีตมีชุมชนใหญ่เรียกว่า "บ้านท่าจีน" ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย โดยตำบลท่าฉลอม เรียกว่า "สุขาภิบาลท่าฉลอม" ถือได้ว่าสุขาภิบาลท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกในหัวเมืองของประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสาครได้แก่ ตลาดสดมหาชัย ตลาดทะเลไทย วัดโกรกกราก วัดนางสาว
  • จังหวัดสิงห์บุรี มีขนาดพื้นที่ 822 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 214,661 คน (ข้อมูลปี 2553) ตั้งอยู่ภาคกลางของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานคร 142 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป เป็นที่ราบลุ่มและพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนริมแม่น้ำเป็นอย่างมาก มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำลพบุรี นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสายอื่น ๆ คือ ลำแม่ลา ลำการ้อง ลำเชียงราก และลำโพธิ์ชัย แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดสิงห์บุรีได้แก่ ค่ายบางระจัน วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
  • จังหวัดนนทบุรี มีขนาดพื้นที่ 622 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 1,101,743 คน (ข้อมูลปี 2553) เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคกลางของประเทศไทย โดยจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดนนทบุรี ได้แก่ เกาะเกร็ด วัดเล่งเน่ยยี่ ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม
  • จังหวัดภูเก็ต มีขนาดพื้นที่ 543 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 345,067 คน (ข้อมูลปี 2553) เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะต่างจากจังหวัดอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่พื้นที่ของจังหวัดทั้งหมดเป็นเกาะกลางทะเลแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ แหลมพรหมเทพ หาดป่าตอง ถนนบางลา
  • สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลาง (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วย (จำนวนประชากร 194,057 คน : ข้อมูลปี 2553) นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตร ไม่มีภูเขาหรือเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อยแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสงคราม ได้แก่ ตลาดน้ำอัมพวา โบสถ์ปรกโพธิ์ ค่ายบางกุ้ง อาสวิหารพระแม่บังเกิด