วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ปราสาทผึ้ง


ปราสาทผึ้ง  จังหวัดสกลนคร




เหตุที่มีการนำเอาขี้ผึ้งมาทำเป็นปราสาทนั้น ยึดโยงอยู่กับพุทธประวัติในช่วงพรรษที่ 9 ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาที่ดงไม้สาละใหญ่ในป่าปาลิไลยก์ ในครั้งนั้นมีช้างปาลิไลยก์กับลิงเป็นผู้อุปัฏฐากอยู่ตลอด 3 เดือน โดยช้างจัดน้ำและผลไม้มาถวาย ส่วนลิงหารวงผึ้งมาถวาย เมื่อพระองค์ทรงรับแล้วเสวย ลิงเห็นก็ดีใจมากขึ้นไปจับกิ่งไม้เขย่าด้วยคงวามดีใจ จนบังเอิญกิ่งไม้หัก ลิงนั้นตกลงมาถูกตอเสียบอกตาย จึงได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนปราสาทวิมารในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งต่อมาพระพุทธเจ้าตรัสลาช้างแล้วเสด็จเข้าสู่เมืองโกสัมพีในวันออกพรรษา ทำให้ช้างระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมากจนทำให้หัวใจแตกสลาย จึงได้ไปเกิดบนปราสาทวิมานบนสวรรค์ พระพุทธเจ้าทรงนึกถึงคุณความดีของช้างและลิง จึงทรงนำเอารวงผึ้งมาทำเป็นดอกประดับในโครงปราสาทตามจินตนาการเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ช้างและลิง ด้วยเหตุนี้ในกาลต่อมาพุทธศาสนิกชนจึงได้ถือเป็นแนวทางจัดสร้างปราสาทผึ้ง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสร้างกุศลสืบมา

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ประวัติเรือโนอาห์


ประวัติเรือโนอาห์ 

เรือโนอาห์ (อังกฤษ: Noah's Ark) ถูกกล่าวถึงในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าจะทรงทำลายมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก พระองค์ทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยนั้น และดำเนินกับพระเจ้า
ขนาด และรูปลักษณ์ของเรือโนอาห์
ในพระธรรมปฐมกาล พระเจ้าทรงให้โนอาห์ประกอบเรือตามแบบที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ดังนี้
วัสดุประกอบเรือ
ไม้สนโกเฟอร์ ความยาว 300 ศอก ความกว้าง 50 ศอก ความสูง 30 ศอก
จำนวนชั้น 3 ชั้น พร้อมดาดฟ้าเรือ มีหลังคาสูง 1 ศอก
ยาชันทั้งภายนอกภายใน แบ่งเรือออกเป็นห้อง (ไม่ได้ระบุจำนวนห้อง)
สิ่งที่บรรทุกในเรือ
พระเจ้าทรงมีพระบัญชาให้โนอาห์นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปบนเรือ
โนอาห์ และครอบครัว โดยมีลูกชายของโนอาห์ 3 คน ได้แก่ เชม ฮาม และยาเฟท อาหารสำหรับโนอาห์ ครอบครัว และสำหรับสัตว์ที่พระเจ้าทรงกำหนด สัตว์ นก และสัตว์เลื้อยคลานชนิดละ 1 คู่ (ตัวผู้ 1 ตัว และตัวเมีย 1 ตัว) 
เนื้อหาในส่วนนี้ อ้างอิงมาจากพระธรรมปฐมกาล ซึ่งกล่าวถึงการสร้างเรือของโนอาห์ ตามพระบัญชาของพระเจ้า เพื่อช่วยให้ครอบครัวของโนอาห์ และรักษาพันธุ์สัตว์บนโลกนี้ไว้ เมื่อโนอาห์ประกอบเรือเสร็จ พระเจ้าทรงบันดาลให้ฝนตกหนัก 40 วัน และเกิดน้ำท่วมแผ่นดินเป็นเวลา 150 วัน จนผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั่วโลกตายจนหมดสิ้น พระเจ้าจึงทรงกระทำให้น้ำลดลง ใช้เวลาอีก 150 วัน แผ่นดินจึงแห้ง
ครั้งแรก โนอาห์ส่งอีกาออกไปบินวนๆ แต่อีกาไม่พบแผ่นดิน จึงบินกลับมา ครั้งที่สอง โนอาห์ได้ส่งนกพิราบบินออกไป และครั้งนี้ นกพิราบได้คาบใบมะกอกเทศเขียวสดกลับมา โนอาห์ทราบว่า นกได้เจอแผ่นดินแล้ว อีกไม่กี่วัน โนอาห์ได้ส่งนกพิราบออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้นกพิราบไม่กลับมาอีกเลย เพราะมันได้เจอแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
ส่วนเรือโนอาห์นั้น ไปค้างอยู่บนยอดเขาอารารัต โนอาห์ และครอบครัวได้ลงจากเรือเมื่อน้ำแห้งดีแล้ว และใช้ชีวิตตามปกติต่อไป ในครั้งนั้น พระเจ้าทรงมอบรุ้งกินน้ำ เป็นพันธสัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเพื่อทำลายล้างมนุษย์อีก
การค้นหาซากเรือโนอาห์

 ด้วยเหตุการณ์ในพระธรรมปฐมกาล ผู้ที่เชื่อในพระธรรมจึงมั่นใจว่าจะสามารถค้นพบซากเรือโนอาห์นี้ได้ และเรือโนอาห์ เป็น พยานวัตถุเพียงชิ้นเดียวที่ช่วยพิสูจน์ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมโลกที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เป็นจริง การค้นหาเรือโนอาห์ จึงมุ่งไปยังเทือกเขาอารารัต สถานที่สุดท้ายที่พระคัมภีร์ได้อ้างถึง แต่ปัจจุบันการค้นหายังไม่คืบหน้า ปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการค้นหา คือ เทือกเขาอารารัตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ตั้งในพรมแดนของประเทศตรุกี ซึ่งรัฐบาลตุรกีไม่อนุญาตการขึ้นไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เหตุการณ์ของเรือโนอาห์ ยังมีกล่าวถึงในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ในศาสนาอิสลาม พระคัมภีร์ในศาสนายูดาย นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเรื่องเล่าปรำปรานานาชาติ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลกนี้ แตกต่างกันไปในแต่ละชนชาติ
รู้ประวัติเริอแล้วเรามารู้ประวัติของ นายโนอาห์กันดีกว่า
โนอาห์ เป็นบุตรชายของลาเมค เมื่อโนอาห์เกิด บิดาของเขากล่าวว่า "ผู้นี้จะช่วยแบ่งเบาการงานเรา และช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยยากจากมือเรา จากที่ดินซึ่งพระเจ้าทรงสาปแช่งไว้" เรื่องราวของโนอาห์บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 5 ถึงบทที่ 10
เหตุการณ์สำคัญ
โนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า และเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า ท่ามกลางยุคสมัยที่พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน
พระเจ้าทรงมีพระบัญชาให้โนอาห์ต่อเรือขึ้น ลำ เพื่อใช้พำนักในช่วงที่พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลก
บุตรของโนอาห์
เมื่อโนอาห์ มีอายุได้ 150 ปี จึงมีบุตรชายชื่อ เชม ฮาม และยาเฟท โดยฮามเป็นบุตรชายคนสุดท้อง
ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก โนอาห์ได้ดำรงชีพเป็นชาวไร่ ทำสวนองุ่น วันหนึ่งโนอาห์เมาเหล้าองุ่นและนอนเปลือยกายอยู่ในเต็นท์ ฮาม บุตรชายคนสุดท้องมาพบเข้าจึงไปบอกพี่ชายทั้งสอง ได้แก่ เชม และยาเฟท ทั้งสองจึงนำผ้าฟาดบ่าแล้วเดินหันหลังเข้าไปปิดกายของบิดาที่เปลือยอยู่โดยมิได้หันหน้าไปดูเมื่อโนอาห์สร่างเมาและทราบเรื่อง จึงให้คำอวยพรแก่เชม และยาเฟท และแช่งฮาม บุตรคนสุดท้องของตนเองพระคัมภีร์บันทึกคำสาปแช่งของโนอาห์ ที่มีต่อ ฮามไว้ว่า "คานาอันจงถูกแช่ง ให้เป็นทาสแสนเลวของพี่น้อง"
นักศาสนศาสตร์บางคนเชื่อว่า บุตรชายทั้งสามคนของโนอาห์นี่เอง ที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ 3 เผ่าพันธุ์บนโลก คือ คอเคซอย (ผิวขาว) มองโกลอย(เอเชีย) และนิกรอย(ผิวดำ) และเป็นเหตุให้มนุษย์ทั้ง 3 เผ่าพันธุ์จึงต้องเผชิญชะตากรรมต่างกัน

ลานหินปุ่ม ลานหินแตก

         ลานหินปุ่ม ลานหินแตก ปรากฏการณ์แปลกจากธรรมชาติ

 “อุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้า”  สถานที่ซึ่งมีเรื่องราว และประวัติศาสตร์มากมายที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวทุกคนไปค้นหา ซึ่งการเดินทางไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูหินล่องกล้าในครั้งแรกนี้ เราเลือกที่จะเริ่มเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ กันก่อน
แห่งชาติภูหินล่องกล้า กินพื้นที่คาบเกี่ยว 3 จังหวัดได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และ เลย ซึ่งนอกจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการเคลื่อนและยกตัวของแผ่นเปลือกโลก ทำให้เกิด “ลานหินปุ่ม” เป็นลานกว้างโดยมีหินขึ้นตะปุ่มตะป่ำกระจายอยู่เต็มลาน หินที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเสาหินกลมมนเตี้ยๆเรียงกันเป็นแถวอย่างน่าดู โดยปุ่มหินดังกล่าวมีความสูงเพียง15 เซนติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร และด้วยความที่ลานหินปุ่มนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติฯ จึงนับเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ถัดจากลานหินปุ่มนั้น เราเดินต่อมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะพบกับ “ผาชูธง” สถานที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตใช้ในการชูธงฆ้อนเคียวผืนสีแดง ยามที่รบชนะฝ่ายรัฐบาลเป็นเหมือนการประกาศให้ผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น บริเวณนี้เป็นหน้าผาสูง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบแบบ 360 องศาแต่การขึ้นไปบริเวณผาชูธงนี้ควรใช้ความระมัดระวังด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ค่อนข้างแคบ
หลังจากที่เราชมวิวบริเวณผาชูธงแล้ว จุดถัดมาก็จะเป็น “ซันแครก”บริเวณลานกว้างที่มีร่องรายทางประวัติศาสตร์ของการต่อสู้จารึกไว้ให้เราได้เห็นเช่น รอยหลุมระเบิดและรอยกระสุนปืนที่เป็นในช่วงการกวาดล้างคอมมิวนิสต์ รวมถึงป้อมปืนต่อสู้อากาศยานที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางลาน ซึ่งที่บริเวณนี้นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การเมืองที่มีความสำคัญแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ ซันแครก ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง อันเกิดการจากการบีบอัดและยกตัวของผิวโลก สันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน และเมื่อเวลาผ่านไปทั้งแสงแดด สายลม น้ำฝน รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างกลางวันและกลางคืน ทำให้หินบริเวณนี้เกิดรอยแตกเป็นชั้นๆ คล้ายเกล็ดปลาเรียงตัวกันสูงกว่า 2 เมตรการเดินเที่ยวชมไปตามจุดต่างๆ นี้ ต้องบอกว่าเรียกเหงื่อกันได้อยู่พอสมควร แต่อย่าเพิ่งหมดแรงกันซะก่อน เพราะเราจะพาไปเที่ยวกันต่อที่ “ลานหินแตก” ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวณลานหินปุ่มมากนัก